ถึงแม้ว่าจะถูกแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำพากันยกเลิกการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจไปแล้วหลายแบรนด์ ทั้ง อาดิดาส บาเลนเซียกา แก็ป แต่แรปเปอร์สุดอื้อฉาว “คานเย่ เวสต์” หรือ “เย่” ยังโชคดีที่ไม่ถูกถอดเพลงออกจากระบบสตรีมมิงชื่อดังของโลกอย่าง สปอติฟาย
โดย แดเนียล เอค ซีอีโอของสปอติฟายได้ให้เหตุผลเอาไว้ว่าถึงแม้คานเย่จะเจอดรามาครั้งใหญ่ในชีวิตอันเป็นผลมาจากการใช้ถ้อยคำ และแสดงท่าทีต่อต้านชาวยิว แต่เนื้อเพลงของคานเย่นั้นไม่ได้มีเนื้อความส่อไปในทางนั้นด้วย ซึ่งเท่ากับว่ามันไม่ได้ละเมิดกฎเกณฑ์ของทางสปอติฟายแต่อย่างใด
“มันเป็นแค่เพลงของเขาจริงๆ แล้วเพลงของเขาก็ไม่ได้ละเมิดนโยบายของเรา” ซีอีโอของสปอติฟายกล่าว

นั่นเท่ากับว่าเพลงของคานเย่ยังอยู่รอดปลอดภัยดี ไม่ถูกถอดออกจากระบบสตรีมมิงเจ้าใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น สปอติฟาย,แอปเปิล มิวสิค และยูทูป มิวสิคแต่อย่างใด
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ค่ายเพลง Def Jam ในเครือยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป (UMG) ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงคานเย่ในช่วงปี 2002-2016 แล้วยังคงทำหน้าที่จัดจำหน่ายเพลงให้กับเขาจนถึงเมื่อปีที่แล้ว ก็ได้ออกแถลงการณ์ประนามการกระทำของคานเย่อย่างรุนแรงว่า “ไม่มีที่ให้กับการต่อต้านชาวยิวในสังคมของเรา ทางค่ายให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับการต่อต้านไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก”
ทั้งนี้ คานเย่ เวสต์ เป็นแรปเปอร์แถวหน้าของวงการที่มีเพลงฮิตติดชาร์ตมากมาย ถึงแม้เพลงของเขาจะไม่ถูกถอดออกจากแพลตฟอร์มสตรีมมิง แต่บิลบอร์ดรายงานว่ายอดการเล่นเพลงของคานเย่ทางสถานีวิทยุในอเมริกานั้นลดฮวบลงไปถึง 21.1% หลังจากที่เกิดดรามาเรื่องต่อต้านชาวยิวขึ้น
คานเย่ เวสต์ เป็นศิลปินที่ขึ้นชื่อเรื่องการพูดจาโดยไม่ยั้งคิด และไม่ถนอมน้ำใจใครมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเขาสร้างศัตรูในวงการเอาไว้เพราะความ “ปากเสีย” ของตัวเองมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เทย์เลอร์ สวิฟท์, เดรค หรือแม้แต่อดีตภรรยาอย่าง คิม คาร์ดาเชียน ที่จบชีวิตคู่กันไปแบบไม่สวย
ก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งทำให้ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการพูดว่า คนดำเลือกที่จะเป็นทาสเอง (slavery is a choice) แถมยังบอกว่า จอร์จ ฟลอยด์ ตายเพราะได้รับยาเกินขนาด ไม่ได้ตายเพราะถูกตำรวจมินนิอาโปลิสทุบตีจนตาย
อย่างไรก็ตาม ดรามาต่อต้านชาวยิวเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้กับเขามากที่สุดแล้ว ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่า คานเย่ เวสต์ จะได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีก