เล่นเอาแฟนเพลงพากันโล่งอกไปตาม ๆ กันภายหลังจากที่ศาลตัดสินให้ ‘เอ็ด ชีแรน’ เป็นฝ่ายชนะคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเพลง Thinking Out Loud ที่แสนจะโด่งดังของเขานั้นไปลอกเลียนเพลงของนักร้องรุ่นใหญ่อย่าง ‘มาร์วิน เกย์’ เพราะก่อนหน้านี้เอ็ดได้ออกมาประกาศด้วยความไม่พอใจว่า ถ้าแพ้คดีนี้เขาจะลาออกจากวงการเพลง เพราะรู้สึกว่าถูกดูหมิ่นและด้อยค่าผลงาน
“ถ้ามันเกิดขึ้นนะ พอกันที ผมจะเลิก เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามการที่ผมอุทิศทั้งชีวิตให้กับการเป็นนักร้องนักแต่งเพลง แล้วมีใครบางคนมาด้อยค่ามัน”
สำหรับความเป็นมาของการฟ้องร้องครั้งนี้มีอยู่ว่าทายาทของเอ็ด ทาวน์เซนด์ ผู้แต่ง Let’s Get It On เพลงโซลสุดคลาสสิกให้ มาร์วิน เกย์ ร้องในปี 1973 ได้ยื่นฟ้องศาลว่าเพลง Thinking Out Loud ของเอ็ด ชีแรนมีความคล้ายคลึงกับเพลง Let’s Get It On ในหลายจุดมากเกินไป จนเข้าขั้นการละเมิดการคุ้มครองด้านลิขสิทธิ์
โดยในระหว่างการพิจารณาคดีในศาล โจทก์อ้างว่าตัวเอ็ด ชีแรนเองเคยนำทั้งสองเพลงนี้มาเล่นคู่กัน พร้อมนำคลิปคอนเสิร์ตที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเอ็ดเล่นเพลง Let’s Get It On แล้วต่อด้วยเพลง Thinking Out Loud มาให้คณะลูกขุนดู พร้อมบอกด้วยว่าเรื่องนี้เป็นตัวจุดชนวนให้โจทก์คิดว่าเอ็ดขโมยทำนองของเพลงดังกล่าวมา

อย่างไรก็ตาม คณะลูกขุนไม่คิดเช่นกัน โดยหลังจากที่ศาลได้อ่านคำพิพากษาออกมา เอ็ด ชีแรนยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่รออยู่ด้านนอกศาลว่า เขาคงไม่ต้องเลิกเป็นนักแต่งเพลงแบบที่พูดเอาไว้แล้ว
“ผมมีความสุขมากกับผลการตัดสินคดีนี้ ดูเหมือนว่าผมคงไม่ต้องวางมือจากงานประจำของผมแล้ว แต่ในขณะเดียวกันผมก็ไม่พอใจที่คำกล่าวอ้างที่ไร้มูลความจริงแบบนี้ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล” เอ็ดกล่าว พร้อมเสริมว่าการที่ต้องมาขึ้นศาลเพราะเรื่องนี้ทำให้เขาไม่ได้ไปงานศพของย่าที่ไอร์แลนด์ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
ทั้งนี้ เอ็ด ชีแรนถูกฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์เพลงมาแล้วหลายครั้ง ก่อนหน้านี้คือเพลง Shape of you ที่ศาลตัดสินให้เขาเป็นผู้ชนะเช่นกัน ส่งผลให้นักร้องดังชาวอังกฤษออกมาแสดงความไม่พอใจที่มีคนหากินด้วยการไปยื่นฟ้องเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์เพลงโดยไม่มีมูลความจริง โดยหวังว่าคนที่ถูกฟ้องจะยอมจ่ายเงินยอมความเพื่อตัดความรำคาญ เพราะไม่อยากเสียเงิน เสียเวลาไปกับการขึ้นศาล และจ้างทนายความ แต่ตัวเขานั้นไม่ยอม
“ผมก็แค่คน ๆ หนึ่งกับกีตาร์ตัวหนึ่งที่รักในการเขียนเพลงให้คนได้สนุกกับมัน ผมไม่ใช่ และไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นกระปุกออมสินให้คนมาเขย่าเพื่อเอาเงินไปเด็ดขาด”