ยังเป็นโมเมนต์ที่แฟนๆ ยังติดตราตรึงใจกับการที่ “คริส พีรวัส” และ “สิงโต ปราชญา” ได้ทำโชว์คู่กัน โดยมีความหมายเพื่อบอกลา เมื่อหนุ่มสิงโตตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทางต้นสังกัด และออกมาเป็นอิสระ ทำให้การที่จะทำงานร่วมกันกับ “คริส” เลยเป็นเรื่องที่ยาก โดยคริสถึงการตัดสินใจที่จะบอกลากันบนเวทีว่า
“ทุกๆ อย่างมันออกมาเป็นความจริงหมดแล้วล่ะครับ และสำหรับคริส-สิง ผมอยู่กับพี่สิงทำงานด้วยกัน ตอนนั้นยังไม่ได้อยู่ในแกรมมี่เลยนะ ตอนนั้นผม 19 ผมก็รู้จักกับพี่สิงแล้ว และเราก็เข้าไปอยู่แกรมมี่ตอนที่เราอายุ 20 พี่สิง 21 วันนี้เดินทางมาจนพวกเราทั้งคู่ใกล้เลข 3 แล้วนะ ผม 27 พี่สิง 28 มันก็เป็นระยะเวลาที่ดีมากๆ ครับ และผมจะรู้สึกนอยด์ถ้าเราไม่ได้มีวิธีการบอก วิธีการถ่ายทอดที่สวยงาม รู้สึกว่ามันดีมากๆ ที่คอนเสิร์ต LOL มันเกิดขึ้น และเราได้บอกทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ต ผมว่ามันจริงมากๆ เกินจริงด้วย เพราะพี่สิงก็เซอร์ไพรส์ผมในหลายๆ ครั้งที่เขาพูด ผมก็รู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลสมศักดิ์ศรี ถึงเวลาของมันแล้ว ก็อิ่มเอมนะ ผมอยู่กับเขามาตั้งแต่เริ่ม ผมรู้ว่าเราจะเบลอๆ แล้วหายไปเลยถ้าไม่ได้แจ้งเขาหรือไม่ได้มีอะไรที่เป็นการส่งแบบสวยงาม แต่ผมว่าอันนี้แฟนคลับจะเข้าใจพวกเรา ประทับใจในความรักของพวกเราทั้งคู่ ก็เลยรู้สึกว่าดีแล้วนะที่คอนเสิร์ตมันออกมาเป็นแบบนั้น”


กลัวประกาศแบบนั้นแฟนคลับหายไหม
“จริงๆ ไม่ได้ใช้ความกล้าเลยครับ ผมมั่นใจกันมาก ผมกับพี่สิงมั่นใจกันมากว่ามันไม่เกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นหรอก ผมว่ามันเป็นการแสดงความจริงใจมากกว่าว่าพวกเราทำงานกันมานานแล้วนะ เราเติบโตกันมานานมากๆ แล้วนะ พี่สิงเองก็มีเส้นทางที่เขาอยากจะไป อยากจะไปเรียนต่อ อยากจะไปเป็นผู้กำกับ อยากจะไปทำเบื้องหลัง และผมเองก็อยากจะเดินเส้นทางศิลปินมากขึ้น ซึ่งพี่สิงเขาก็ไม่ได้ถนัดในทางที่เราถนัด เราเองก็ไม่ได้ถนัดในทางที่พี่สิงถนัด มันดีแล้วล่ะครับที่วันนี้เราได้บอกกันอย่างเข้าใจ ไม่รู้ว่าเป็นยังไงกันในที่ผ่านๆ มา บอกหรือไม่ควรบอก แต่ผมโคตรมีความสุขเลยที่ผมได้เกิดคอนเสิร์ต LOL นี้ขึ้น มันได้ปลดล็อก มันเป็นการวัดใจทุกๆ อย่างเลยนะ วัดใจแฟนคลับเราว่าที่ผ่านมากาลเวลาพิสูจน์แล้วว่าคุณรู้จักเราจริงใช่ไหม คุณรักเราจริงใช่ไหม ผมกับพี่สิงก็วัดใจกันสุดๆ ไปเลยว่าเรามีความเชื่อใจกันแค่ไหน เราตามกันแค่ไหน และมันพิสูจน์ออกมาให้เห็นหมดเลย ผมรู้สึกว่าทุกๆ ครั้งที่มีคอนเสิร์ตเกิดขึ้น ผมจะสนิทกันมากขึ้น เพราะมันจะมีอะไรมาทดสอบเรา และมันกลายเป็นว่าออกมาเป็นอย่างที่เราคิดไว้ทุกครั้ง ตั้งแต่แฟนโทรเปียที่ตอนนั้นพี่สิงไม่ได้อยากร้องเพลง ผิดที่ไว้ใจ แต่เราพยายามที่จะสร้างความเชื่อใจให้กันจนพี่สิงร้อง และจนมาวันนี้ทุกๆ โชว์พี่สิงยอมให้คริสร้องเพลง เพราะว่ารัก ทุกๆ อย่างมันเกิดจากความเชื่อใจหมดเลยนะ ถ้าเราไม่เชื่อใจกันถึงขั้น 100% ทุกๆ อย่างก็จะไม่ออกมาขนาดนี้ ผมรู้สึกว่ามันว้าวมาก”



แฟนๆ ว่ายังไงกับการที่เราตัดสินใจแบบนั้น
“เท่าที่ผมเข้าไปอ่านนะครับ เขาเหมือนพ่อแม่พวกเราไปแล้ว เขาเข้าใจเราไปหมดเลย ลูกๆ กำลังจะไปต่อมหาวิทยาลัยกันคนละมหาวิทยาลัยนะ ลูกๆ กำลังจะไปทำงานตามสายอาชีพของตัวเองนะ แฟนคลับก็เหมือนเป็นเพื่อนที่เข้าใจเพื่อน อยู่กันมานานมากแล้วครับ มันไม่มีอะไรที่จะดีไปมากกว่านี้หรือไม่ดีไปมากกว่านี้ ผมยังห่วงความรู้สึกแฟนคลับอยู่นะ แต่ผมเข้าใจและเชื่อใจพวกเขามาก ว่าเวลามันพิสูจน์มาขนาดนี้ พวกคุณก็รู้ว่าคริสสิงคือคริสสิง และหลังจากนี้มันคงเป็นการทำงานของแต่ละคน ถ้าเรารักกันจริง เรารู้จักกันจริง ผมเชื่อว่ามันจะคงอยู่ไปตลอด มีคำพูดนึงที่ผมชอบมากๆ ของแฟนคลับว่าที่ผ่านมาแฟนคลับเชื่อมาตลอดว่าคำว่าตลอดไปไม่มีจริง แต่มันกลายเป็นว่าคริสสิงบอกลากันบนเวที แต่กลายแฟนคลับเข้าใจว่าคำว่าตลอดไปมันมีจริงกับพวกผม เลยรู้สึกว่าแบบนี้แสดงว่าคุณรักและเข้าใจเราจริงๆ เพราะคำว่าตลอดไปสำหรับพวกผมทั้งคู่มันมีอยู่จริงครับ
สุดท้ายแล้วความโชคดีของพวกผมคือเราอยู่กับแฟนคลับกันเองมาตั้งแต่ต้น เราไม่ได้มีระบบระบอบบางอย่างมาครอบพวกเราไว้และเราทำตามนั้นกันหมด เราเกิดจากการที่เราดูแลกันเองครับ และเรามั่วๆ กันมาเอง จนมาวันนี้มันเป็นความสนิทที่เราเข้าใจแฟนคลับ เข้าใจนิสัยเขาไปด้วย เพราะฉะนั้นผมว่ามันเป็นการลงลึกแหละ เป็นการลงรายละเอียด เป็นการใส่ใจ คริสกับพี่สิงใส่ใจแฟนคลับของพวกเราทั้งคู่มากๆ”