พระเอกหนุ่มฮอต “ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี”ได้มาเล่าเรื่องราวเส้นทางกว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ง่าย!! เจออุปสรรคมาเยอะ ผ่านทางช่องยูทูบของนางเอกสาวคนสนิท “ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” ใน EP.1 : เกือบไม่มีพระเอกชื่อ “ไมค์ ภัทรเดช”
“ไมค์ ภัทรเดช” มีน้ำตา เล่าชีวิตกว่าจะเป็น “พระเอก” เจออะไรมาเยอะ ?
“เริ่มเล่าถึงการมาเป็นดาราว่า “จริงๆ เป็นคนขี้อาย ไม่ได้อยากเป็นดารา แต่ในจิตลึกๆ ใครไม่อยากเป็นดาราออกหน้าทีวี ดูเป็นพระเอก จนอายุ 16 ก็มีคนมาชวนไปประกวดดัชชี่บอย ก็ไปประกวด แล้วได้ที่ 1 ของภาคอีสาน แล้วมาประกวดที่กรุงเทพ ได้ที่ 3 เลยทำให้ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงแป๊ปนึงก็มาเจอเรื่องราวที่มันไม่ใช่ ตอนนั้นอยู่ ม.5 ก็กลับไปเรียนหนังสือ ไปเรียนที่จีนจนอายุ 21 ปี
ผมเติบโตมาด้วยชีวิตอิสระมาก มีฐานะค่อนข้างดี ขายอะไหล่แต่งรถมอเตอร์ไซค์ในท้องถิ่น เงินในเกะมีเยอะมาก จนวันหนึ่งเราโตขึ้นมาตอนนั้นเรียนอยู่ที่จีน ก็ขอเงินแม่ ซึ่งปกติแม่เป็นคนที่โอนเงินไวมาก โทรปุ๊บโอนปั๊บ ใช้เงินอิสระมาก แม่โอนให้ตลอด แต่ครั้งนี้แม่โอนช้าไป 1 อาทิตย์ เลยโทรไปถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ก็บอกว่า แม่ไม่มีเงิน ล้มละลาย เพิ่งเลิกกับพ่อ เพิ่งหย่ากัน แม่คงกลัวว่าลูกจะเครียด แต่ผมบอกแม่ว่าไม่เป็นไร เทอมแรกเขามีสอบชิงทุนและผมสอบได้ ได้เงินเดือนละ 5 พัน ผมใช้เดือนละ 5 พันก็ได้ ก็บอกให้แม่ดูแลตัวเอง เดี๋ยวผมกลับไปผมจะดูแลแม่เอง เป้าหมายเดียวในชีวิตตอนนั้นคือผมจะต้องดูแลแม่ผมให้ได้
แต่ 3 ปีที่บอกว่าจะดูแลแม่ตัวเองไม่ไปถึงไหนเลย แล้วมันทุกข์และเครียดของชีวิตมาก เราตัดสินใจเลือกทางนี้เพราะว่ามันเป็นทางเดียวที่จะดูแลแม่ได้ 3 ปีผ่านไปยังวนเวียนกับการเดินแบบอยู่เลย แต่ก็ได้เล่นละครอยู่เรื่องหนึ่งและคิดว่าละครเรื่องนี้ที่จะพาเราไปให้ได้เหมือนคนอื่นเขา ถ่ายอยู่ 1 ปี 3 เดือน ได้เงินค่าตอน 8 พันบาท คูณ 15 ได้มา 2 แสนกว่าบาท เฉลี่ยต่อเดือนแล้วเงินไม่เหลือเลย ตอนนั้นคิดว่ามันจะง่าย แต่พอเข้ามาแล้วมันไม่ง่ายเลย




ไปดูเฟซบุ๊กเพื่อนที่เรียนที่จีนด้วยกันบางคนทำธุรกิจส่วนตัวแล้ว นำเข้าส่งออกจนรวย บางคนไปเรียนต่อมีชีวิตที่ดี แล้วก็อิจฉา และเครียดมากว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูก แล้วผู้จัดการก็ส่งผมไปเรียนบำบัดจิตกับครูเงาะ ก็เริ่มมีความสุขขึ้น ก็เริ่มทำงานเก็บเงินได้ มีความคิดที่ดีขึ้น มองโลกในแง่บวกมากขึ้น ทำงานเก็บเงินจนได้ 280,000 บาท ก็คิดถึงแม่ ซื้อคอนโดไปเหลือเงิน 4 หมื่นแล้วแม่ก็มาอยู่ด้วยจนถึงวันนี้
ในระหว่างทางที่รอเงินจากการถ่ายละครก็ต้องขอบคุณผู้จัดการเขาน่ารักมาก ทุกวันนี้ก็ยังรักเขาแต่ไม่ได้ดูแลกันด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ใช่เงินทอง แต่เรารักเขามา ชีวิตพี่เขามีขึ้นมีลง ตอนที่ชีวิตเขาลงเขาก็ขายรถเขา เขาก็เหลือรถคันเล็กไว้ แล้วตัวเองนั่งแท็กซี่ไปทำงานและทิ้งรถคันนั้นไว้ให้ผมขับไปเล่นฟิตเนส ไปเรียนการแสดง พี่เขาออกไปทำงานแต่เช้า ทิ้งเงินไว้ให้ผมวันละ 500 บาท ผมจำได้ ผมไม่เคยลืม เป็นช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเกิดหรือเปล่าแต่พี่เขาก็ยังมีความหวังในตัวผม”
ไมค์ยังเล่าอีกว่า “ยอมรับเคยคิดสั้น ไม่เคยมีใครรู้ว่าชีวิตผมผ่านอะไรมาเยอะมาก (ร้องไห้) ไม่อยากพูดถึงมัน เราเป็นคนมองโลกในแง่บวก ไม่อยากคิดถึงอะไรที่มันผ่านมาแล้ว พยายามที่จะผ่านมันไป (ร้องไห้หนัก) ในวันที่เครียดคือเครียดมาก รักแม่แต่ยังไปไม่ถึงไหน ในขณะที่ปัญหาครอบครัวก็ยังใหญ่อยู่ เคยมีความคิดนั้นอยู่แล้ว คอนโดอยู่ชั้น 26 ทำงานก็ไม่โตเลยแล้วใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ละครเรื่องหนึ่งถ่ายหลายเดือน ก็นั่งกินเหล้าอยู่ริมระเบียงเกือบทุกวัน มองลงไปมีสระน้ำกระโดดลงไปคงไม่ตายหรอก ทั้งๆ ที่จริงๆ อยากตาย แต่ไม่เคยให้แม่รู้ เครียดมาก แต่ก็ไม่ทำเพราะมีแม่อยู่
จนวันนึงทำงานเหนื่อยมาก นั่งกินเหล้าอยู่ระเบียง มองผ่านช่องของม่านในห้องเห็นแม่กำลังเตรียมน้ำผลไม้ให้สำหรับไปกอง แม่ไปกองด้วยทุกวัน คืนนั้นที่เห็นแม่นั่งเตรียมของให้ พลังงานมันเปลี่ยน มีสติมากขึ้น ทุกวันนี้เราอยู่เพื่อแม่และแม่ก็ไม่เห็นทุกข์เลย แม่มีความสุขด้วย มองผ่านลอดม่านไปเห็นแม่ยิ้ม ตั้งแต่วันนั้นงานก็มาเรื่อยๆ หลังจากละครเรื่อง “ใยกัลยา” ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ เลย”