เป็นดรามาขึ้นมา เมื่อ “ชาล็อต ออสติน” ถ่ายคลิป “มิว ศุภศิษฎ์ จงชีวีวัฒน์” ถอดเสื้อ จนทำให้ชาวเน็ตหลายคนมองว่าเป็นการคุกคามทางเพศ จนทำให้ “ชาล็อต” ต้องลบคลิปและออกมาขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ล่าสุดเจอมิวจึงถามถึงเรื่องนี้
“ไม่มีปัญหาเลยครับ อยากบอกทุกคนว่าน้องทำงานหนักมากจริงๆ เราช่วยให้กำลังใจกันดีกว่า เขาก็มีเปิดให้ดู คลิปก็น่ารักดี ไม่มีอะไร ผมไม่ได้คิดอะไรเลย คนถล่มเขาเยอะ ก็เห็นน้องซึมๆ ไปเหมือนกัน ก็มีการพูดคุยกับน้องแหละ แต่ไม่รู้ในระดับอินดีเทลว่าอะไรยังไงบ้าง แต่ตัวผมไม่ได้ซีเรียสเลย จริงๆ น้องไม่ต้องขอโทษผมเลยก็ได้ ควรให้กำลังใจกัน คอยส่งพลังงานที่ดีให้กันดีกว่า ก็เห็นน้องเขาซึมๆ เราก็ไม่ได้ถามรายละเอียด แต่ก็ไปโอ๋เขา เขาก็เล่าว่าลงคลิปแล้วโดนว่า ก็ให้กำลังใจเขาแล้วก็ทำงานก้นต่อ”


ส่วนตัว “มิว” มองว่าคุกคามไหม ?
“ด้วยความที่เราสนิทกันมากๆ เลยไม่ได้คิดอะไรถึงขนาดนั้นเลย น้องเขาน่ารักมากๆ อยู่แล้ว คอยให้กำลังใจกันดีกว่า คำว่าคุกคามแล้วแต่คนมองเลย ต่างคนต่างความคิด เราคงไปตัดสินใจแทนใครไม่ได้หรอก ในมุมมองของผมที่เขาเป็นคนถ่ายผม ผมคือไม่มีปัญหา เห็นแล้วก็ขำๆ จั๊กกะจี้เหมือนกัน ไม่ซีเรียสเลย น้องเครียดจริงๆ อยากบอกทุกคนว่าคอยให้กำลังใจน้องดีกว่า น้องเขาก็กลัวเราไม่สบายใจด้วย น้องเลยเลือกจัดการตัวเองก่อนในตอนนั้น เขากลัวว่าเราจะโดนมองไม่ดี เขาเป็นห่วงผมมากๆ เลยรู้สึกว่าน้องน่ารักมากๆ เลย
เอาจริงๆ นะผมไม่เห็นเลยว่าคอมเมนต์มีอะไรบ้าง ไม่ได้ดูเลยจนถึงตอนนี้ เลยรู้สึกว่าคนที่เขาปกป้องเขาก็น่ารักแหละ แต่อยากจะบอกว่าเขาก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานเรา น้องเองเขาก็น่ารักมากๆฉะนั้นไม่ต้องห่วงเลย ถามว่าจากนี้จะระวังในการเล่นมากขึ้นไหม ทีมก็ระวังกันมากขึ้น มีรีเช็กกันก่อนว่าจะลงอะไรยังไง ก็ดีแล้วกันที่มีคนช่วยมอนิเตอร์เยอะขึ้น คอยพูดคุยกันเยอะขึ้นว่าตัวเนื้อหาต่างๆที่จะถูกปล่อยไปจะเป็นยังไงบ้าง ไม่มีห้ามถ่ายคลิปหรอก ชิลๆ กัน”


เจอดรามาบ่อยๆ รับมือยังไง ?
“เราชินแล้ว ปล่อยผ่านได้เพราะเข้ามาบ่อยใช่ไหม (หัวเราะ) มันควรจะชินได้แล้วไหม มันก็ไม่ควรชินนะ แต่ก็ค่อนข้างชินแล้วเหมือนกันครับ ผมรู้สึกว่าหน้าที่เราในฐานะนักแสดง การเป็นตัวละคร การตั้งใจทำงาน การทำการบ้านต่างๆ บางทีเรื่องเหล่านี้มันเหมือนนอกเหนือเรามากเกินไปหน่อย เราคงควบคุมได้ยาก มันเป็นความเห็นจากคนอื่น เราก็ไปควบคุมเขาไม่ได้ว่าเขาจะรู้สึกยังไง สิ่งที่ทำได้คือตั้งใจทำงานในส่วนของเร
ด้วยงานของเราทำให้เจอคนหลากหลายมากๆ ก็มีโอกาสเจอนักจิตบำบัด นักจิตแพทย์เยอะเหมือนกัน เวลาเจอดรามาผมก็คอยปรึกษาเขาเหมือนกัน ว่าเราควรจะจัดการอะไรยังไงดี สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราจัดการได้ก็คือตัวเราเองนั่นแหละ ด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ ของแอปพลิเคชั่น เราสามารถนำมาใช้ในโซเชียลมีเดียได้เหมือนกัน บางทีเราควบคุมไม่ได้หรอกว่าเขาจะด่าจะว่าเรายังไง ถ้าด่าแรงเกินไปมันก็ไม่เหมาะสม ก็อยากให้ทุกคนทำสังคมเรา ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่เราเจอกันเป็นสังคมที่เจอกันต่อหน้า และสังคมในโลกออนไลน์ให้มันเฮลท์ตี้ มันจะได้มีความสุขกันทุกคนเลย การที่มาด่ามาว่ากัน มันไม่ควรจะเป็นเรื่องปกติในบุคคลสาธารณะ ถ้าจะคอมเมนต์ก็ควรจะใช้ภาษาที่ดี เคารพทั้งตัวเอง ทั้งคนอื่นด้วย วันนึงสุดท้ายคุณคอมเมนต์คำแย่ๆ ไป มันก็เป็นหลักฐานกับตัวคุณเองว่าคุณเป็นคนแบบนั้น
มีคนปรึกษาค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เพราะเราก็เป็นคนที่โดนมาเยอะเหมือนกัน เขาก็จะมาปรึกษาว่าเป็นอะไรยังไงบ้าง ทำอะไรได้บ้าง ก็ให้คำปรึกษาตามที่เราเคยเจอมาเอง กับสิ่งที่นักจิตบำบัด นักจิตแพทย์เขาบอกเรามา ก็พยายาม… อยากให้ทุกคนทำงานแล้วมีความสุขครับ ในตัวงานอุตสาหกรรมนี้ งานบันเทิงมันเป็นเรื่องการสร้างสรรค์ศิลปะ ถ้าเอ็นจอยกันมันน่าจะสนุกกว่า”