จากกรณีที่ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวจนมีภาพในสถานที่พักปล่อยออกมาจนทำให้ “ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ” อยู่ในภาวะจิตใจที่ย่ำแย่ แต่ก็ยังทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งล่าสุดออกงานคู่กับคู่จิ้น “เบ็คกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง” ทั้งคู่เลยเปิดใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
ฟรีน : “ตอนนี้ก็เปลี่ยนสภาพแวดล้อมเรียบร้อยค่ะ สภาพจิตใจก็น่าจะค่อย ๆ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะหลังจากที่หนูเข้าบำบัดครั้งที่แล้ว ก็รู้วิธีที่จะต้องป้องกันจิตใจยังไงมากขึ้นค่ะ ก็คือไปพบจิตแพทย์ค่ะ เพราะตอนแรกที่หนูเป็น ตอนนั้นหนูเป็นวิตกกังวลกับแพนิคอยู่แล้ว พอเจอเรื่องนี้ก็เหมือนหนักกว่าเดิม แต่พอจะรู้วิธีที่ควรจะป้องกันตัวเองยังไง”
ตอนแรกจัดการกับตัวเองยังไง?
ฟรีน : “ตอนแรกก็แบล๊งไปเหมือนกันค่ะ แต่ก็ยังคงต้องคงสภาพศิลปินนักแสดงให้ได้ เพราะพอรู้ปุ๊บอีกวันนึงก็ต้องทำงานเลย”

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ช่วยให้เรากลับมาได้คืออะไร?
ฟรีน : “หนูว่าทุกๆ สำคัญกับหนูหมดเลย ก็ต้องหาจุดให้ได้ว่าอะไรคือจุดที่เราจะมาหาจุดตรงกลางกันมากกว่า และเราก็คุยกับทุกๆ ฝ่าย ก็ได้กำลังใจเยอะมากๆ ค่ะ ทั้งในค่าย นอกค่าย รวมถึงแฟนคลับทุกๆ คน พอรู้เรื่องราวว่าเกิดขึ้นยังไง ทุกคนก็โฟกัสในส่วนของคดีความ”
เบ็คกี้ให้กำลังใจยังไงบ้าง?
เบ็ค : “ก็ให้กำลังใจตลอดค่ะ ก็บอกว่าหนูอยู่ข้างๆ นะ มีอะไรคุยได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว ไม่อยากให้แพนิคเองหรือรู้สึกไม่ดีเอง ถ้าช่วยอะไรได้ก็เต็มที่ค่ะ”
ฟรีน : “คือเราคุยกันทุกเรื่องเลยค่ะ คนแรกที่รู้ก็คือเขา ไปนั่งคุยกัน และปลอบกัน”
จังหวะไหนที่เราซึ้งมากที่สุด?
ฟรีน : “มันคงเป็นช็อตที่หนูทำงานวันแรก แล้วหนูก็ร้องไห้ เศร้าตลอดเวลา พูดถึงอะไรไม่ได้เลย หนูจะร้องไห้ตลอด น้องก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น”
เบ็ค : “หนูเห็นเขาแววตาไม่สดใส ตอนแรกนึกว่าป่วย”
ฟรีน : “เพราะว่าลงจากเครื่องพอดีค่ะ แล้วอีกวันนึงก็ทำงาน ตอนแรกเราก็จะไม่พูดกับใคร เพราะมันต้องผ่านกระบวนการคิดเยอะๆ ก่อน ก็เลยโอเค บอกน้องคนแรก”
ตอนที่เรารู้ เราให้กำลังใจเขายังไง?
เบ็ค : “วันนั้นหนูจำได้เลยว่าหลังจากถามว่าพี่ฟรีนเป็นอะไร ก็กอดกัน แล้วพี่ฟรีนก็ค่อยๆ ร้องไห้ หนูก็บอกว่าโอเคนะ ไม่เป็นไร ยังไงก็จะผ่านไปได้ แล้วหนูก็ร้องด้วย (ยิ้ม)”
ฟรีน : “เราร้องนำ แล้วน้องร้องตาม (หัวเราะ)”
เบ็ค : “หนูรู้สึกว่ามันไม่ควรมีใครสักคนต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ตาม เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวสุดๆ”

แต่จนถึงวันนี้แฟนคลับเราก็ไม่ได้หายไปไหนเลย?
ฟรีน : “ใช่ค่ะ ต้องขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่เคารพและเข้าใจในทุกๆ การเดินทางของเราทั้งคู่ด้วยค่ะ ก็อยากให้อยู่แบบนี้ไปนานๆ และหวังว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้ค่ะ”
เรื่องคดีความไปถึงไหนแล้ว?
ฟรีน : “พูดได้ค่ะ แต่ที่ไม่อยากออกมาพูดเพราะกลัวรูปคดีจะเสีย เพราะเราก็ดำเนินการไปในระดับหนึ่งแล้วมากค่ะ หนูรู้สึกว่าเร็วๆ นี้อาจจะได้เห็นอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เราติดตามคดีความตลอด คุยกันตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เร็วๆ นี้น่าจะได้เห็นอะไรที่คืบหน้าเกิดขึ้นค่ะ”
อยากให้เคสเราเป็นเคสตัวอย่างเลยไหม?
ฟรีน : “อยากให้เป็นเคสสุดท้ายเลย หนูไม่อยากให้ใครจะต้องมารู้สึกกับความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเลยค่ะ หนูรู้สึกว่าถ้าเราไม่มีวิธีป้องกันจิตใจตัวเองได้ดีขนาดนั้น ก็อาจจะไม่มีชีวิตอยู่เลย มันถึงขั้นนั้นเลยจริงๆ ค่ะ ถ้าสมมติหนูไม่มีกำลังใจ ไม่มีใครอยู่ข้างๆ หนู ก็คงเป็นเรื่องยากที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อมากๆ เลย ถึงขั้นนั้นเลยค่ะ ก็อยากให้ทุกคนโฟกัสกับเรื่องคดีความมากๆ และอย่างที่บอกว่าหนูจะต่อสู้และยืนหยัดจะเอาเขามารับโทษให้ได้ค่ะ”