ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่แฟนๆ ได้เห็น “น้องยอร์ช ยงศิลป์” เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวที่มาพร้อมซิงเกิลแรก “SEVEN” (เซเว่น) ภายใต้ค่าย “YORCH ENTERTAINMENT” ดูแลตัวเอง
แฟนๆ ชื่นชอบ “น้องยอร์ช” ตั้งแต่เป็นนักแสดงเด็ก และยิ่งได้เห็นน้องสู้และพยายามเดินตามฝันของตัวเอง ไปเป็นศิลปินฝึกหัดที่เกาหลีใต้อยู่นานนับปี สั่งสมประสบการณ์มาอย่างเต็มที่ แฟนๆ ก็อยากเห็นน้องได้เป็นศิลปินเต็มตัว
และวันนี้ก็มาถึง “น้องยอร์ช” ได้เป็นศิลปินเต็มตัวแล้ว นอกจากแฟนคลับที่มาให้กำลังใจในงานแถลงข่าวเปิดตัวแล้ว “นุ่น วรนุช” ที่เคยร่วมงานกันใน “ทองเนื้อเก้า” ในบท “แม่ลำยอง” กับ “ลูกวัน” ก็หอบดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดีอีกด้วย



ความรู้สึกที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว?
“รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันเพราะว่าอันนี้เป็นครั้งแรกของทุกอย่างจริงๆ เพลงแรก แฟนมีตแรก เล่นเอ็มวีครั้งแรก ทุกอย่างใหม่มากแต่ก็รู้สึกว่าวันนี้ค่อนข้างที่จะทำได้เต็มที่ แล้วการทำงานเพลงครั้งนี้ก็เป็นภายใต้บริษัทของผมเองที่ชื่อว่า ภายใต้สังกัด YORCH ENTERTAINMENT จริงๆ ก่อนหน้านี้ตั้งแต่กลับมาจากเกาหลีก็มีโอกาสได้เข้าไปคุยกับหลายบริษัท แต่ก็รู้สึกว่ามาเปิดบริษัทเองดีกว่า เพราะมันสามารถทำอะไรได้หลากหลาย สมมติว่าเราเข้าไปค่ายนี้เขาก็จะจับให้เราเป็นคาแรกเตอร์แบบนี้ๆ ซึ่งเรารู้สึกว่าเราอยากเป็นคนที่ออกแบบทุกอย่างเองมากกว่า เวลาเราทำเพลงหรือว่าอยากได้เอ็มวีก็สามารถบอกเขาได้เลย”
ซิงเกิลแรกในชีวิต?
“สำหรับเพลง Seven(7) โอเคมากเลย เป็นเพลงที่ผมตั้งใจอยากทำจริงๆ พอได้พี่ทอย(The Toys)มาช่วยมันเลยออกมาเพอร์เฟ็กต์ การทำงานกับพี่ทอยสนุกดี เสนอไอเดียที่ตัวเองอยากได้ให้พี่เขาฟัง สิ่งที่อยากสื่อสารในเพลงก็เป็นเรื่องของความทรงจำที่ดีที่เราอยากย้อนกลับไปแต่ว่ามันทำไม่ได้ แต่ว่าเราสามารถนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ นั้นได้ จะสื่อถึงคนรักหรือว่าเพื่อนๆ ก็ได้ ซึ่งผมใช้เวลาคุยกับพี่ทอยแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเอง อีกประมาณสองอาทิตย์เขาก็กลับมาพร้อมกับเนื้อเพลงที่เห็นแล้วรู้สึกว่าเขาสามารถตีโจทย์ได้เร็วมากและตรงใจมาก”
กว่าจะมาเป็นยอร์ชที่เป็นศิลปินเดี่ยววันนี้ยากง่ายขนาดไหน?
“ยากมากๆ เพราะว่าผมเป็นคนที่ร้องเพลงไม่ได้เลย กว่าที่ตัวเองจะเริ่มมั่นใจในการร้องมากขึ้นก็ใช้เวลานานพอสมควร ส่วนการที่มีโอกาสได้ไปต่างประเทศมาก็ได้ประสบการณ์มาหลายอย่าง ได้ทั้งเรื่องความคิด รวมถึงได้ไปเห็นว่าที่นั่นเขามีการทำงานกันยังไง ไอเดียต่างๆ ก็ดูแปลกใหม่ดี”
ตอนนี้มุ่งมั่นที่จะทำงานในเมืองไทยเป็นหลัก หรือว่ามีแพลนในอนาคตว่าจะกลับไปที่เกาหลีอีกครั้ง?
“จริงๆ มันก็ยังไม่แน่นอนนะครับ ตอนนี้ผมก็พยายามคิดในหลายๆ ด้านอยู่ว่าเราจะเอายังไง แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ก็คือตั้งใจทำงานในเมืองไทยก่อน ส่วนงานอื่นๆ ยังไม่ได้แพลน อย่างเรื่องละครผมรู้สึกว่าตัวเองทำมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็อยากลองทำอย่างอื่นบ้าง ละครก็เอาไว้ก่อน อาจจะมีบ้าง แต่ช่วงนี้ขอโฟกัสเกี่ยวกับงานเพลงเป็นส่วนใหญ่ ยอมรับว่ามีคนติดต่อมาให้เล่นละครอยู่บ้าง แต่ทางผู้จัดการก็บอกไปเลยว่าช่วงนี้ยังขอทำเกี่ยวกับเพลงก่อน”


ตอนนี้อยากให้ภาพชัดไปที่เรื่องของการเป็นนักร้องก่อน?
“ไม่ขนาดนั้น แค่รู้สึกว่าเราอยากทำเพลงที่เราชอบและอยากสื่อสารออกมา ส่วนซิงเกิลต่อไปก็ยังไม่ได้คิดเลย แล้วแต่อารมณ์ด้วย ถ้ามีเรื่องไหนที่อยากจะสื่อสารออกไปให้แฟนเพลงได้ฟังก็จะรู้สึกว่าอยากทำเพลงขึ้นมา แต่จริงๆ ก็พยายามที่จะออกมาเรื่อยๆ นั่นแหละ เพียงแต่ว่าอาจจะเว้นช่วงสักหน่อยไม่ได้ออกติดๆ กัน”
แฟนๆ ให้กำลังใจมาตลอดเส้นทาง?
“ดีใจมากๆ ดีใจตั้งแต่วันแรกที่เขาเชียร์เรา อยากขอบคุณทุกคนที่คอยซัพพอร์ตมาตลอด ไม่ว่าจะวันที่อยู่ที่โน่น หรือว่าวันที่กลับมาเมืองไทย ถามว่าวันนี้ทำความฝันตัวเองสำเร็จแล้วหรือยัง ถือว่าสำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากทำอยู่ ความฝันสูงสุดตอนนี้ยังบอกไม่ได้(หัวเราะ)”
วันที่เดบิวต์เป็นวันเกิดของตัวเองด้วย ของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดเลยไหม?
“ชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยครับ ไม่ได้เคยคิดว่าจะได้มาโชว์หรือว่าจัดแฟนมีตหรือว่ามีเพลงวันแรกในงานวันเกิดของตัวเอง ถือว่าเป็นวันเกิดปีหนึ่งที่น่าจดจำและน่าตื่นเต้นกว่าทุกปี ที่ผ่านมาผมจัดงานวันเกิดเล็กๆ ไปทำบุญสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากับแฟนคลับนิดหน่อย ไม่ได้ถึงขั้นมากันเต็มห้างขนาดอย่างวันนี้ ส่วนของขวัญวันเกิดให้ตัวเองไม่มีเพราะสำหรับตัวผมก็ไม่ได้อยากได้อะไร แค่เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตทั่วๆ ไป หรือว่าสนุกกับสิ่งที่ทำก็เพียงพอแล้ว”
ตกใจไหมที่กลับมาเมืองไทยแล้วคนให้การต้อนรับและสนใจเราขนาดนี้?
“ตกใจครับเพราะไม่คิดว่าคนจะให้ความสนใจเยอะกว่าเมื่อก่อน เลยรู้สึกดีใจที่มีคนยังติดตามเราอยู่ แต่ก็ไม่ได้มีความกดดันอะไรในการทำงานเพราะเราก็สนุกกับสิ่งที่ทำด้วย”