“เดอะ ฮอลลีวูด รีพอร์ทเทอร์” สื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ รายงานว่า ดิสนีย์ไฟเขียวให้เดินหน้าสร้างหนังรักกุ๊กกิ๊กของเจ้าหญิงวัยใส ‘Princess Diaries 3’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า “แอน แฮททาเวย์” ซึ่งแจ้งเกิดในวงการจากการรับบท “มีอา” นางเอกของเรื่อง จะกลับมาเล่นด้วยหรือไม่ แม้ว่าเธอจะเพิ่งแสดงท่าทีสนใจไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ตาม
“มันยิ่งกว่าบันเทิงอีกค่ะ ฉันตั้งตารอเลย ยิ่งถ้าหาทางให้ จูลี แอนดรูวส์ มาเกี่ยวข้องด้วยได้นะ ฉันว่าเราจะทำมันสำเร็จได้ค่ะ” แอนตอบผู้สื่อข่าวของ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ทูไนท์” เมื่อถูกถามว่าอยากกลับไปเล่นหนัง The Princess Diaries อีกหรือไม่
แล้วถ้าย้อนไปในปี 2019 แอนก็เคยยืนยันมาแล้วระหว่างที่ไปออกรายการทีวีรายการหนึ่งว่ามีการเขียนบท The Princess Diaries ภาค 3 เอาไว้แล้วจริงๆ แถมยังบอกว่าทั้งตัวเธอเอง, จูลี แอนดรูวส์ และเดบรา มาร์ติน เชส ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของหนัง 2 ภาคแรก ต่างอยากทำมันเหมือนกัน
“เราทุกคนอยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ ค่ะ แต่ติดตรงที่เราจะไม่ทำ ถ้ามันไม่สมบูรณ์แบบ เพราะว่าเรารักมันมากพอๆ กับที่พวกคุณรักมันนั่นแหละค่ะ” แอน แฮททาเวย์กล่าว
The Princess Diaries ชื่อไทยว่า “บันทึกรักเจ้าหญิงมือใหม่” เป็นภาพยนตร์ปี 2001 ที่สร้างจากนิยายขายดีของ เม็ก คาบอต (Meg Cabot) เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นอเมริกันธรรมดา ๆ คนหนึ่งชื่อ มีอา เธอร์โมโพลิส (นำแสดงโดย แอน แฮทาเวย์) ที่อยู่ดีๆ ก็พบว่าตัวเองกลายเป็นองค์หญิงรัชทายาทของเจโนเวีย (Genovia) อาณาจักรเล็ก ๆ ในทวีปยุโรป


หลังจากนั้น มีอาก็ถูกเสด็จย่า ราชินีคลาริส เรนัลดี (นำแสดงโดย จูลี แอนดรูวส์) จับเข้าคอร์สติวเข้ม ฝึกฝนการเป็นเจ้าหญิงให้ได้ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
หนังภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม กวาดรายได้ทั่วโลกไป 165 ล้านดอลลาร์ ทำให้มีการสร้างภาค 2 The Princess Diaries 2 : The Royal Engagement หรือ “บันทึกรักเจ้าหญิงวุ่นลุ้นวิวาห์” ตามมาในปี 2004 ซึ่งก็ปรากฎว่าสามารถขายตั๋วไปได้อีก 134 ล้านดอลลาร์ ทั่วโลก โดยกระแสความนิยมที่มีต่อแฟรนไชส์หนัง “The Princess Diaries” ทำให้มีข่าวลือว่าจะมีการสร้างภาค 3 ออกมาตลอดช่วงระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา แต่เพิ่งจะได้รับการยืนยันจากดิสนีย์ในครั้งนี้เอง
สำหรับ “The Princess Diaries 3” ที่สร้างห่างจากภาคแรกถึง 21 ปีนี้จะเขียนบทโดย Aadrita Mukerji ที่เคยแสดงผลงานให้เห็นมาแล้วจากซีรีส์ Reacher และ Supergirl โดยพล็อตเรื่องยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากสองภาคแรกมากกว่าจะเป็นการรีบู้ทขึ้นมาใหม่