ช่วงนี้ “เจนนิเฟอร์ โลเปซ” กำลังจะมีหนังแอคชันคอมเมดี้เรื่อง “Shotgun Wedding ฝ่าวิวาห์ระห่ำ” เข้าฉายที่บ้านเราในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ เธอจึงเดินสายโปรโมทหนังแบบรัว ๆ และมีการเปิดเผยเรื่องส่วนตัวบางอย่างซึ่งไม่เคยเล่าที่ไหนให้ได้ฟังกัน เช่น เรื่องที่เธอกับ “เบน เอฟเฟลค” แต่งงานกันแบบสายฟ้าแล่บที่ลาสเวกัส
ถ้าใครจำไทม์ไลน์ชีวิตรักของสองนักแสดงชื่อดังแห่งวงการฮอลลีวูดที่สื่อตั้งชื่อ “เบนนิเฟอร์” ให้ก็จะรู้ว่าหลังจากที่มีข่าวกลับมาคบกันได้ไม่นาน จู่ ๆ เจโลกับเบนก็จูงมือกันไปแต่งงานที่ลาสเวกัสในเดือนกรกฎาคม 2565 ท่ามกลางความงุนงงของทุกฝ่ายว่าทำไมถึงได้รีบร้อนปานนั้น เพราะการแต่งงานที่ลาสเวกัสนั้นจะทำขึ้นที่โบสถ์เล็ก ๆ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วเมือง แม้แต่แบบ drive through ก็มี แล้วจะมีเพียงบาทหลวงผู้ทำพิธีเพียงคนเดียว กับพยานที่สามารถหาเอาแถวนั้นก็ได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพียงเดือนเดียว ทั้งคู่ก็มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการขึ้นอีกครั้งทำให้คนพากันลืมเรื่องการแต่งงานแบบสายฟ้าแล่บที่ลาสเวกัสกันไปหมดแล้ว จนกระทั่ง เจนนิเฟอร์ โลเปซ มาเผยถึงสาเหตุของเรื่องนี้ให้ฟังกันอีกครั้งตอนไปออกรายการทอล์คโชว์ “จิมมี คิมเมล ไลฟ์” เมื่อวันก่อนว่า สาเหตุที่ต้องทำแบบนั้นก็เพราะเธอมีอาการ PTSD อ่อนๆ (อาการจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์บางอย่าง) ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการยกเลิกการแต่งงานกับ เบน เอฟเฟลค เมื่อ 20 ปี
“พวกเราวางแผนจัดงานแต่งงานที่ ซาวันนาห์ ในเดือนสิงหาคมเอาไว้แล้ว สมาชิกในครอบครัวก็จะไปร่วมด้วย ทุกคนจะไปที่นั่น ซึ่งมันเครียดมาก เมื่อ 20 ปีก่อนเราทั้งคู่ควรที่จะแต่งงานกัน แต่แล้วมันก็ล่ม ตอนนั้น เรายัง…จริง ๆ แล้ว ฉันยัง….มีอาการ PTSD อยู่หน่อยๆ ทำให้รู้สึกว่า การแต่งงานครั้งนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ ใช่ไหม”

เจโลเล่าต่อว่าถึงแม้ทุกคนจะมีความสุขดี และการแต่งงานจะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่เธอก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าการแต่งงานมันเครียดมาก แล้วมีวันหนึ่งที่ทั้งคู่ได้คุยเรื่องแผนการแต่งงานกับคน ๆ หนึ่งซึ่งบอกว่าพวกเขาควรจะจัดงานแต่งที่อื่นมากกว่า ไม่น่ามาจัดที่บ้านในจอร์เจียเลย หลังจากได้ยินแบบนั้นเจโลก็เกิดอาการหดหู่ขึ้นมา เบน เอฟเฟลค จึงก้าวเข้ามาช่วยเธอด้วยการพูดว่า “ช่างหัวมันสิ งั้นเราไปลาสเวกัสแล้วแต่งงานกันคืนนี้เลย”
นักร้องและนักแสดงสุดแซ่บวัย 53 ปี กล่าวด้วยว่าวันนั้นเธอมีคิวซ้อมการแสดงเลยคิดว่าแผนบินไปแต่งงานที่ลาสเวกัสไม่น่าจะทำได้ แต่เบนกลับให้ความมั่นใจด้วยการบอกให้เธอไปทำงานของตัวเองได้เลย เขาจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเอง
“พอคุณไปถึงที่นั่น ผมจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ไปเถอะ เราจะทำมันคืนนี้ แล้วเราก็ได้แต่งงานกัน มันสุดยอดมากค่ะ มันเป็นคืนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉันเลย” เจโลเล่าถึงสามีด้วยความประทับใจแล้วบอกว่าเธอได้เขียนเพลงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้ในเพลงที่ชื่อว่า “Midnight Trip to Vegas” ซึ่งจะอยู่ในอัลบั้มใหม่ของเธอที่จะออกมาให้ฟังกันเร็ว ๆ นี้