ภาพยนตร์ไตรภาคแบทแมนชุดอัศวินรัตติกาล (Dark Knight) ผลงานการกำกับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่า ‘คริสเตียน เบล’ ผู้รับบทแบทแมนในหนังชุดดังกล่าว ไม่พอใจกับการแสดงของตัวเองนัก
ทั้ง ๆ ที่คริสเตียน เบลเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับว่าฝีมือดีมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ เขาเป็นที่รักทั้งของนักวิจารณ์ คนดู ตลอดจนคณะกรรมการรางวัลต่าง ๆ โดยนักแสดงวัย 49 ปีผู้นี้ฉายแววความสามารถที่โดดเด่นมาตั้งแต่วัยรุ่น เมื่อครั้งที่เล่นหนังเรื่อง Empire of the Sun ในปี 1987 หลังจากนั้นเขาก็พิสูจนต์ตัวเองให้เห็นมาตลอดในหนังอย่าง American Psycho (2000), The Machinist (2004), The Fighter (2010), American Hustle (2013), Vice (2018), Ford v. Ferrari (2018) และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ดูเหมือนว่าเบลกลับเป็นคนที่เข้มงวดกับตัวเองมากที่สุดโดยเขาบอกว่าไม่พอใจกับการรับบท บรูซ เวย์น หรือ แบทแมน ในไตรภาค Dark Knight ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ทั้ง ๆ ที่หนังชุดนี้สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุด
“ผมทำไม่ได้ตามที่ตัวเองคิดเอาไว้ในไตรภาคหนังเรื่องนี้ คริส (โนแลน) ทำได้ แต่ถ้าเอาตามความรู้สึกของผมแล้ว ผมทำได้ไม่ค่อยดี”
เบลยังเล่าต่อว่าความรู้สึกของเขายิ่งแย่เข้าไปใหญ่เมื่อมีตัวขโมยซีนปรากฎขึ้นใน The Dark Knight หนังภาค 2 ที่ออกฉายในอีก 3 ปีถัดมา นั่นคือ การปรากฎตัวของ ‘ฮีธ เลดเจอร์’ ในบท ‘โจ๊กเกอร์’ ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม แถมยังได้รับรางวัลออสการ์ รวมถึงรางวัลอื่นอีกมากมายไปครองจากบทนี้
“ฮีธปรากฎตัวขึ้น แล้วทำลายแผนการทุกอย่างที่ผมวางเอาไว้ลงอย่างสิ้นเชิง เพราะผมเอาแต่คิดว่าเขาน่าสนใจมากกว่าผมเยอะเลย แล้วตัวผมกำลังทำอะไรอยู่”
ทั้งนี้ ไตรภาคอัศวินรัตติกาลประกอบด้วยภาพยนตร์ 3 เรื่อง ได้แก่ Batman Begins (2005), The Dark Knight (2008) ปิดท้ายด้วย The Dark Knight Rises (2012) ข้อมูลจาก The Numbers ระบุว่าแฟรนไชส์นี้ทำรายได้ทั่วโลกรวมกันกว่า 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภาค 3 ทำเงินมากสุด 1,000 กว่าล้านดอลลาร์ ตามด้วยภาคสอง 999 ล้านดอลลาร์ ส่วนภาคแรกทำไปได้ 300 กว่าล้านดอลลาร์
หลังจากจบไตรภาคนี้แล้ว เวลาล่วงเลยมานานถึงสิบปีกว่าที่คริสเตียน เบลจะกลับมาเล่นหนังซูเปอร์ฮีโร่อีกครั้ง นั่นคือการรับบท Gorr the God Butcher ในภาพยนตร์เรื่อง Thor: Love and Thunder ในปี 2022 แต่สำหรับเรื่องที่ว่าจะกลับมารับบทแบทแมนอีกหรือไม่นั้น เบลบอกว่ามีอยู่เงื่อนไขเดียวที่เขาจะรับเล่น นั่นคือ คริสโตเฟอร์ โนแลน มาชวนให้เล่น
คำตอบดังกล่าวอาจเป็นการปิดประตูตายกับบทแบทแมนของเบลไปแล้ว เพราะล่าสุดโนแลนเพิ่งให้สัมภาษณ์สื่อระหว่างเดินสายโปรโมทหนัง Oppenheimer ที่กำลังลงโรงฉายอยู่ในขณะนี้ว่า เขาไม่สนใจที่จะกลับไปทำหนังซูเปอร์ฮีโร่อีกแล้ว