เป็นผู้กำกับชื่อดังระดับโลกที่ประกาศตัวออกมาชัดเจนว่าไม่มีความคิดที่จะทำหนังซูเปอร์ฮีโรในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล หรือ MCU แต่อย่างใด สำหรับ “ทิม เบอร์ตัน” แม้ว่าหนังเหล่านั้นจะกวาดรายได้ถล่มทลายไปทั่วโลกก็ตาม
ทิม เบอร์ตัน เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกันวัย 64 ปี ที่ขึ้นชื่อเรื่องความติส และมีแนวทางที่ชัดเจนของตัวเอง โดยผลงานอันโดดเด่นที่เขาเคยทำเอาไว้ก็อย่างเช่น Beetlejuice (1988), Edward Scissorhands (1990), The Nightmare Before Christmas (1993), Ed Wood (1994), Sleepy Hollow (1999), Corpse Bride (2005)

นอกจากนี้เขายังเคยกำกับภาพยนตร์ แบทแมน เอาไว้ 2 ภาคด้วยกัน คือ Batman (1989) และ Batman Returns (1992) รวมไปถึงหนังไซไฟอย่าง Planet of the Apes (2001) และหนังแฟนตาซีชื่อดังอย่าง Big Fish (2003), Charlie and the Chocolate Factory (2005) และ Alice in Wonderland (2010)
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทิม เบอร์ตัน ได้ไปนั่งพูดคุยถึงอนาคตการทำหนังของตัวเองในเทศกาลภาพยนตร์ Lumière Festival ในเมืองลิยง ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง รวมถึงความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานกับ ดิสนีย์ ที่เขาเริ่มต้นการทำงานในฐานะนักทำการ์ตูนแอนิเมชันมาก่อน
โดยทิมได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่าตอนนี้ทางสตูดิโอดิสนีย์ได้ให้ความสำคัญกับหนังมาร์เวล, หนังสตาร์ วอร์ส แล้วก็หนังในเครือพิกซาร์มากที่สุด ทำให้มีที่ว่างสำหรับหนังประเทศอื่นน้อยลง ซึ่งเมื่อถูกถามว่าแล้วตัวเขามีความคิดที่จะไปกำกับหนังมาร์เวลซักเรื่องหนึ่งหรือไม่นั้น เขาก็ตอบทันทีว่าไม่
“ผมรับมือได้เพียงจักรวาลเดียว ผมไม่สามารถรับมือกับพหุจักรวาล (มัลลิ-ยูนิเวิร์ส) ได้” ผู้กำกับคนดังกล่าว
ทิม เบอร์ตัน ยังเล่าต่อว่าเขาถูกจ้างมาทำงานแล้วก็ถูกไล่ออกมาแล้วหลายครั้งกับดิสนีย์ สำหรับตอนนี้มีความเป็นไปได้ว่าคงยังไม่มีการร่วมกันในอนาคตอันใกล้ โดยเรื่องนี้เป็นผลมาจากสิ่งที่เขาได้รับตอนทำหนังไลฟ์แอคชั่นเรื่อง ดัมโบ้ (Dumbo) กับทางดิสนีย์เมื่อปี 2019
“เรื่องเกี่ยวกับ ดัมโบ้ เหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงคิดว่าวันเวลาของผมกับดิสนีย์จบลงแล้วนั้น ก็เพราะผมตระหนักขึ้นมาว่าตัวผมเองก็เหมือนกับดัมโบ้ ที่ทำงานอยู่ในคณะละครสัตว์อันใหญ่โตน่ากลัวนี้ แล้วผมก็จำเป็นต้องหนีออกมา หนังเรื่องนี้มีความเป็นอัตชีวประวัติในระดับหนึ่งเลย”
อย่างไรก็ตาม ทิม เบอร์ตัน บอกว่าการที่เขาได้รับรางวัลเกียรติยศ Prix Lumière ในงานเทศกาลภาพยนตร์ Lumière Festival ครั้งนี้ได้ช่วยให้ความรักในภาพยนตร์ของเขาถูกกระตุ้นขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้เทศกาลนี้มันยอดเยี่ยมมาก เพราะว่ามันเกี่ยวกับภาพยนตร์อย่างแท้จริง มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของธุรกิจ เรื่องของรางวัล หรืออย่างอื่น” ทิม เบอร์ตันกล่าว พร้อมเสริมว่าบรรดาผู้บริหารค่ายหนังทุกค่ายสมควรถูกบังคับให้มาร่วมงานนี้เพื่อปลุกเร้า แล้วเตือนให้พวกเขาคิดได้ว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้พวกเขาอยากทำหนังขึ้นมาในตอนแรก