ถึงแม้จะยังไม่มีผลงานเพลงใหม่ๆ ออกมาให้ได้ฟังกันนานมากจนแฟนๆ แซวว่าเปลี่ยนอาชีพจากนักร้องไปเป็นแม่ค้าขายเครื่องสำอางแบรนด์ Fenty Beauty ไปแล้ว
แต่บารมีของของ “ริฮานนา” ในฐานะนักร้องอาร์แอนด์บีเจ้าของรางวัลแกรมมี่ 9 ตัว และเจ้าของเพลงฮิตติดชาร์ตทั่วโลกอย่าง Umbrella, Diamonds ก็ยังคงมีมากพอที่จะทำให้เธอได้รับเลือกให้ทำการแสดงช่วงพักครึ่งในวันชิงชนะเลิศศึกอเมริกันฟุตบอลที่เรียกว่า “ซูเปอร์โบลว์” ประจำปี 2023
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากเอ็นเอฟแอล (NFL) อย่างเป็นทางการแล้ว ในขณะที่ทางริฮานนาเองก็ออกมาโพสต์ภาพมือที่มีรอยสักของเธอถือลูกอเมริกันฟุตบอลลงไอจี @badgalriri เพื่อสื่อความนัยถึงเรื่องนี้เช่นกัน

ทางด้านสื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่อย่าง ทีเอ็มซี (TMZ) ก็รายงานว่า ริฮันนากำลังเจรจากับทางเอ็นเอฟแอล และร็อก เนชั่น (Roc Nation) ผู้ดูแลเรื่องโชว์ช่วงพักครึ่งซูเปอร์โบลว์ ถึงการแสดงของเธอที่จะมีขึ้น ณ สนามกีฬา สเตท ฟาร์ม สเตเดี้ยม ในเมืองเกลนเดล รัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2023
จริงๆ แล้วเมื่อปี 2019 ริฮานนาเคยได้รับการติดต่อให้ขึ้นแสดงในช่วงพักครึ่งซูเปอร์โบลว์มาก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นเธอปฏิเสธไปเพราะต้องการแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับ โคลิน เคเพอร์นิค อดีตควอเตอร์แบ็คของทีมซานฟราสซิสโก โฟร์ตี้ไนเนอร์ส ที่ไม่ยอมลุกขึ้นยืนตอนที่มีการเปิดเพลงชาติช่วงต้นการแข่งขันซูเปอร์โบลว์เมื่อปี 2016 เพื่อประท้วงเรื่องตำรวจกระทำการรุนแรงต่อคนผิวสีในสหรัฐ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ออกมาบอกว่าไม่ได้เล่นเกมใน NFL อีกเลยนับแต่นั้น เพราะถูก NFL แบล็คลิสต์จากการประท้วงดังกล่าว
ส่วนคำถามที่ว่าการแสดงพักครึ่งช่วงซูเปอร์โบลว์นั้นมีความสำคัญ และยิ่งใหญ่มากขนาดไหน ต้องบอกว่าการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศถือเป็นการถ่ายทอดสดที่มีคนดูมากที่สุดในรอบปี ทำให้ค่าโฆษณาพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนศิลปินที่ได้รับเลือกให้ขึ้นแสดงก็จะถือเป็นเกียรติประวัติในอาชีพการงานของตัวเองไปด้วย
สำหรับริฮานนานั้น เจย์ซีได้กล่าวยกย่องเธอเอาไว้ในแถลงการณ์ของ NFL ว่า “ริฮานนาเป็นคนที่มีความสามารถแห่งยุค เป็นผู้หญิงที่มีจุดเริ่มต้นที่ถ่อมตัวซึ่งสามารถทำได้เกินความคาดหมายในทุกๆ ครั้ง บุคคลที่เกิดบนเกาะเล็กๆ อย่างบาร์บาโดส ผู้ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในศิลปินที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยมีมา แถมยังเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ และนักธุรกิจที่ก่อร่างสร้างตัวเองขึ้นมา”