ทำเอาแฟนๆ เป็นห่วงกันถ้วนหน้าทีเดียวหลังมีข่าวลือหนาหูว่า “กู่เทียนเล่อ” (Louis Koo) วัย 51 ปี นักแสดงใจบุญกำลังป่วยหนัก เพราะมีปัญหาที่เส้นประสาทอาจจะกลายเป็นเนื้อตาย
โดยข่าวลือเกิดขึ้นเมื่อคลิปวิดีโอโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง Warriors of Future ถูกปล่อยออกมา เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเขาพูดเกี่ยวกับความเสียหายของเส้นประสาทที่กระดูกสันหลังส่วนคอ แม้ว่าภาพยนตร์จะเข้าฉายในปีนี้ แต่จริงๆ แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จไปตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แต่หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ใครหลายคนเข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์ปัจจุบัน



โดยนักแสดงคนดัง ได้ออกมายอมรับถึงข่าวลือ กลางงานเปิดตัวภาพยนต์เรื่อง “Tomorrow’s War” ที่ฮ่องกง พร้อมกับอีกสองนักแสดงนำอย่าง “หลิวเจียหลิง” (Carina Lau) และ “หลิวชิงหวิน” (Sean Lau) โดยระบุว่าเขาป่วยจริงตามข่าวลือและมีความจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที แต่อาการป่วยนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยมีอาการปวดที่กระดูกสันหลังส่วนคออย่างกะทันหันหลังจากถ่ายทำ เขารู้สึกชาที่มือขวาและขาขวาของเขา และอาการชาที่ครึ่งตัวทำให้เขาหลับไม่สบายในตอนกลางคืน
“เนื่องจากกระดูกสันหลังส่วนคอเคลื่อนไป 1 ซม. และไปกดทับเส้นประสาท นิ้วสิบนิ้วจึงเหมือนเป็นอัมพาตและมันปวดนานเป็นปีๆ เลย แพทย์แจ้งว่าเส้นประสาทเป็นเนื้อตายและต้องเข้ารับการผ่าตัด แต่เนื่องจากต้องเร่งถ่ายทำในขณะนั้นจึงต้องขอให้แพทย์สั่งจ่ายยา มอร์ฟีนก่อน”


กู่เทียนเล่อ ยังบอกอีกว่า ปกติตัวเองมีอาการปวดคอค่อนข้างเรื้อรังอยู่แล้ว และเนื่องจากชุดที่ต้องสวมเข้าฉากในผลงานเรื่องนี้ซึ่งเขาควบนำแสดงและอำนวยการสร้างเองนั้นหนักมาก รวมทั้งต้องมีฉากที่โหนสลิงค่อนข้างเยอะ ทั้งหมดส่งผลให้อาการปวดคอของเขาหนักกว่าเดิม รวมทั้งแขนและขาฝั่งขวาก็มีอาการผิดปกติ ทำให้ในช่วงถ่ายทำเขาต้องคอยทานยาแก้ปวดบรรเทาอาการ พอหลังจากผ่านวันเกิดของผมในปีนั้น ( 21 ต.ค. 2018 ) ผมก็เดินทางไปสหรัฐอเมริกาพร้อมผู้จัดการส่วนตัว ไปผ่าตัดที่นั่นและพักรักษาตัวอยู่ที่นั่นนานเป็นสัปดาห์ โดยการเปลี่ยนหมอนรองกระดูกเป็นไทเทเนียมเข้าไปแทน”
สำหนัง Warriors of Future เล่าเรื่องราวของกลุ่มทหารผู้เสียสละร่วมรับมือเหล่าเอเลี่ยนที่หวังยึดครองโลกในช่วงเวลาที่โลกเผชิญวิกฤติด้านมลภาวะรวมถึงภาวะโลกร้อน ซึ่งถือแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวออกมาว่า “กู่เทียนเล่อ” ถึงกับหลั่งน้ำตาเนื่องจากหนังไม่ทำเงินมากนักหลังเข้าฉายที่จีน แต่เจ้าตัวก็ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้พร้อมยืนยันว่า ไม่ว่าหนังจะกำไรหรือขาดทุน เขามองว่าหนังเกี่ยวกับอนาคตแบบนี้ควรมีการสร้างขึ้นมาไม่ว่าจะเพื่อเป็นการนำร่องสู่การพัฒนาที่ยิ่งๆ ขึ้นไปในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ รวมไปถึงเพื่อต่อยอดทางความคิดในการร่วมกันหาทางออกให้กับปัญหามลพิษในโลกปัจจุบันนี้ด้วย